จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557


วิธีทำช็อคโกแลต ช็อคโกแลตแทนใจ


ช็อคโกแลต

วิธีทำช็อคโกแลต ช็อคโกแลตแทนใจ โดย Choco_Club 

          ใกล้จะถึง วันวาเลนไทน์ แล้วใช่ไหมคะ หลายคนคงกำลังอยากลองฝึกหัดทำช็อคโกแลตด้วยตัวเอง เพื่อมอบให้คนพิเศษเมื่อถึงวันนั้น วันนี้เราก็เลยมีวิธีทำช็อคโกแลตง่าย ๆ มาฝากกัน อย่ารอช้ามาดู วิธีทำช็อคโกแลต กันดีกว่าค่ะ

ช็อคโกแลต

          ช็อคโกแลตถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวาเลนไทน์ โดยเฉพาะช็อคโกแลตรูปหัวใจ วิธีทำก็ง่าย จะอร่อยหรือไม่อร่อย อยู่ที่ช็อคโกแลต และขณะตุ๋นช็อคโกแลต อย่าให้น้ำหยดลงไปในช็อคโกแลต ช็อคโกแลตจะแตกตัว ไม่เกาะกัน

ส่วนผสม

           1.Semisweet chocolate chips 200 กรัม

Semisweet chocolate chips



           2.White Chocolate 100 กรัม 

White Chocolate

           3.พิมพ์รูปหัวใจดวงเล็ก ๆ

วิธีทำ

          1. ใส่ช็อคโกแลตชิพลงในภาชนะทนไฟ นำเข้าไมโครเวฟ ไฟ 70% นาน 30 วินาที นำออกมาคน ถ้าช็อคโกแลตยังละลายไม่หมด ให้อบต่ออีก 15-30 วินาที สำหรับคนที่ไม่มีไมโครเวฟ ให้ตุ๋นช็อคโกแล็ตในหม้อตุ๋น โดยตั้งน้ำให้เดือดก่อนแล้วนำหม้อใส่ช็อคโกแลตตั้งบนน้ำ คนเรื่อยๆ จนช็อคโกแลตละลายหมด และผิวหน้าเป็นมัน ยกขึ้น 

ช็อคโกแลต

           2. ตุ๋นช็อคโกแลตขาวด้วยวิธีการเดียวกับข้อ 1 

           3. ตักช็อคโกแลตใส่พิมพ์รูปหัวใจสลับสีกันเป็นชั้น ๆ ตามชอบ ตั้งทิ้งไว้ให้ช็อคโกแลตแข็งตัวดี และเริ่มร่อนออกจากพิมพ์ค่อย ๆ เคาะออกจากพิมพ์ จัดลงในกล่อง ผูกโบว์ให้สวยงาม


ช็อคโกแลต

ที่มา...http://hilight.kapook.com/view/45681

สมูทตี้บลูเบอร์รี่



สมูทตี้บลูเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ เป็นผลไม้ที่มีการพบปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ ในปริมาณสูงที่ช่วยต้านการทำลายเซลล์ของร่างกายและสารอีกหลายชนิดที่มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง และจากผลวิจัยล่าสุดนี้เองที่พบว่าสารที่มีมากในบลูเบอร์รี่คือเพคตินที่ทำหน้าช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลในร่างกาย และยังมีการวิจัยอื่นๆ อีกที่สนับสนุนว่าบลูเบอร์รี่ช่วยเพิ่มความสามารถในการจำอีกด้วย วันนี้ลองมาทำสมูทตี้บลูเบอร์รี่ กันดีกว่า


คุณค่าทางโภชนาการของสมูทตี้บลูเบอร์รี่* พลังงาน 449.9 กิโลแคลอรี
* คาร์โบไฮเดรต 59.2 กรัม
* เบต้าแคโรทีน 32.5 ไมโครกรัม
* วิตามินเอ 425.1 ไมโครกรัม
* วิตามินซี 26.2 มิลลิกรัม
* แคลเซียม 65.26 ไมโครกรัม

ส่วนผสม
บลูเบอร์รี่สด 100 กรัม
นมถั่วเหลือง 200 กรัม
ใบสะระแหน่ ½ ถ้วย
โยเกิว์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโตะ
ใบสะระแหน่สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
1 แช่บลูเบอร์รี่ในช่องแช่แข็งให้เย็นจัด
2 ปั่นบลูเบอร์รี่รวมกับโยเกิร์ต นมถั่วเหลืองใบสะระแหน่ และน้ำผึ้ง จนเนื้อเนียนเข้ากัน





ที่มา...http://thaismoothy.blogspot.com


ฟรุ้ตโซดาปั่น
ส่วนผสม
น้ำส้มคั้น 100 กรัม
น้ำมะนาว 50 กรัม
น้ำสับปะรด 100 กรัม
น้ำเกรฟฟรุต 50 กรัม
น้ำเชื่อมทับทิม 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ เอาเฉพาะไข่ขาว 1 ฟอง
โซดา 1/2  ขวด
น้ำแข็งป่น 2 ถ้วยตวง
ใบสะระแหน่ สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
1. นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ในเครื่องปั่น ยกเว้นโซดา แล้วปั่นให้ละเอียด รินใส่แก้วไม่ต้องเต็มใส่ประมาณ ? แก้ว
2. รินโซดาลงไปจนเต็มแก้ว ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ เสิร์ฟฟรุ้ตโซดาปั่นทันที


ที่มา...http://thaismoothy.blogspot.com/

สดชื่น คลายร้อน ไปกับไอศกรีมกะทิสูตรโบราณ



วิธีทําไอศครีมกะทิสด

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

      ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็เจอแต่ไอร้อนที่พวยพุ่งขึ้นจากพื้นดิน ยังนับไม่รวมแสงแดดในช่วงกลางวันที่ร้อนจนทำให้หลาย ๆ คน แทบจะเป็นลมกันเลยทีเดียว ทางกระปุกดอทคอมจึงนำเมนูไอศกรีมเย็น ๆ รสชาติกลมกล่อมแบบไทย ๆ มาฝากกัน นั่นคือ ไอศกรีมกะทิสูตรโบราณ ซึ่งสูตรนี้ไม่ต้องใส่นม หรือใส่ครีม ก็อร่อยล้ำ เย็นฉ่ำ ชื่นใจกันได้ง่าย ๆ แต่ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณ narellan ที่นำวิธีทำสุดแสนจะง่ายนี้มาแบ่งปันกัน ....เอาล่ะ อย่ารอช้า เรามาดูขั้นตอนการทำไอศกรีมกะทิกันเลยดีกว่า 

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

ส่วนผสม

          1. กะทิกล่อง หรือกะทิกระป๋องสูตรเข้มข้น ขนาด 560 มิลลิลิตร    
          2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
          3. เกลือ ¾ ช้อนชา
          4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
          5. เนื้อมะพร้าวอ่อนขูดเป็นเส้น (มีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

วิธีทำ

          1. เทกะทิทั้งหมด ผสมกับน้ำเปล่า 2 ถ้วย หรือถ้ามีน้ำมะพร้าว ก็ให้ใช้น้ำมะพร้าว กับน้ำเปล่าอย่างละ 1 ถ้วย เพื่อเพิ่มความหอมหวานของกะทิมากขึ้น  
          2. นำกะทิไปตั้งไฟ แล้วค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายผสมลงไป จากนั้นคนให้เข้ากันจนกะทิเดือด 
          3. นำกะทิมาพักให้เย็น จากนั้นเทใส่ภาชนะที่เหมาะกับการแช่เย็น

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

          4. นำภาชนะดังกล่าวไปแช่ในช่องแข็ง จนกะทิเริ่มแข็งตัว 
          5. ในการแช่กะทิ ให้สังเกตุว่ากะทิเริ่มเป็นเกล็ดหรือยัง หากเริ่มเย็นจนเป็นเกล็ดแล้ว สามารถนำออกจากตู้เย็น โดยไม่ต้องรอให้กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานพอสมควร
          6.นำกะทิดังกล่าวมาปั่น หากไม่มีเครื่องปั่นสำหรับทำไอศกรีม สามารถใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ธรรมดาแทนได้ค่ะ

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

ปั่นครั้งที่ 1

          นำกะทิใส่เครื่องปั่น และปั่นจนกว่าเนื้อไอศครีมจะละเอียด จากนั้นนำไปแช่ในช่องแข็งอีกรอบ

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

ปั่นครั้งที่ 2

          เมื่อเนื้อไอครีมที่ปั่นรอบแรกเริ่มเป็นน้ำแข็ง ก็ให้นำออกมาปั่นใหม่อีกครั้ง โดยคราวนี้ให้ใส่ไข่ขาวลงไป 1 ฟอง เมื่อเครื่องปั่นตีกะทิกับไข่ขาวจนเข้ากันแล้ว จะเห็นว่าเนื้อไอศครีมขาว และฟูขึ้น จากนั้นจึงนำไปแช่ในช่องแข็งอีกรอบ

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

ปั่นครั้งที่ 3

          นำไอศกรีมที่แช่จนเป็นเกร็ดแล้วมาปั่นอีกรอบ เพื่อให้เนื้อไอศกรีมเนียนฟูมากยิ่งขึ้น หากใครชอบทานไอศกรีมกะทิ แบบมีเนื้อมะพร้าวด้วย ให้นำเนื้อมะพร้าวอ่อนที่เราขูดไว้ มาผสมกับไอศกรีมกะทิที่ปั่นในรอบที่สาม แต่ในครั้งนี้ควรปั่นเพียงเล็กน้อยพอให้เนื้อมะพร้าวเข้ากันค่ะ หรือจะปั่นรอบที่สามให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อมะพร้าวแล้วปั่นอีกนิดก็ได้ค่ะ

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

          เพียงแค่นี้ เราก็จะได้ไอศกรีมกะทิแสนอร่อย เอาไว้ทานเพื่อคลายร้อนกันแล้วล่ะ...อ้อ เคล็ดลับความอร่อยของไอศกรีมกะทิจะอยู่ที่การปั่นเนื้อไอศกรีมให้ละเอียด ยิ่งปั่นหลายรอบ เนื้อไอศกรีมก็จะยิ่งเนียนฟูมากขึ้น แต่วิธีที่เรานำมาฝากนี้จะเป็นแบบเร่งรัดจ้า

          ใครลองนำสูตรนี้ไปทำแล้วได้ผลอย่างไรบ้าง อย่าลืมแวะมาคุยกันบ้างนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนอร่อยกับไอศกรีมกะทิสูตรโบราณจ้า

ที่มา...http://women.kapook.com/view40457.html
ไอศกรีมสตรอเบอร์รี่

ส่วนผสม
  • นมข้มจืดกระป๋อง ขนาด 405 กรัม   1/2  กระป๋อง 
  • โยเกิร์ต รสธรรมดา Fat-free 0%  500  กรัม 
  • สตรอเบอร์รี่สด  140  กรัม 
วิธีการทำ
  1. หั่นสตรอเบอร์รี่เป็นชิ้นหยาบๆ ใส่ลงเครื่องปั่น แล้วปั่นพอให้เนื้อสตรอเบอร์รี่กระจายแตกเป็นชิ้นเล็กๆ
  2. จากนั้นเทนมข้นจืดและสตรอเบอร์รี่ที่ปั่น เทลงไปในโถผสมอาหาร แล้วคนให้ส่วนผสมต่างๆ เข้ากัน
  3. จากนั้นค่อยๆ เทโยเกิร์ตลงไปช้าๆ และขนผสมให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี แล้วเทลงภาชนะที่เตรียมไว้ นำฟิลม์พลาสติกมาปิดด้านบน
  4. แล้วนำไปแช่แข็ง 1 คืน เมื่อถึงเวลาเสิร์ฟ ให้นำออกจากช่องแข็งล่วงหน้าซัก 10-15 นาที แล้ว
  5. ค่อยเสิร์ฟนะคะ

ที่มา...https://sites.google.com/site/chatthiya085728/32-1
ไอศกรีมส้ม

ส่วนผสม

  • น้ำ 1 ถ้วยตวง, น้ำตาลทราย 360 กรัม
  • น้ำสัมคั้น 2 1/2 ถ้วยตวง, น้ำมะนาว 1/3 ถ้วยตวง
  • วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง, ผิวส้มขูด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  • ผสมน้ำกับน้ำตาลทราย นำเข้าเตาไมโครเวฟ ไฟแรง (800 w) ประมาณ 3 นาที นำออกมาคนให้น้ำตาลละลาย พักไว้ให้เย็น
  • จากนั้นเติมส่วนผสมที่เหลือลงไป คือ น้ำส้ม น้ำมะนาว วิปปิ้งครีม คนให้เข้ากัน
  • ปั่นส่วนผสมให้เข้ากัน
  • เทใส่ภาชนะ แล้วนำเข้าตู้เย็น อย่างน้อย 4 ชั่วโมง จากนั้นนำออกมาปั่น ด้วยเครื่องผสมอาหารอีกครั้ง
  • นำส่วนผสมที่ได้ลงปั่นในถังปั่นไอศกรีม
ที่มา..https://sites.google.com/site/chatthiya085728/32-1

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

            Sponge cake (เค้กฟองน้ำ)

สปองค์เค้กเป็นเนื้อเค้กพื้นฐานที่นิยมมาทำเค้กตกแต่งแบบอื่นๆมากมายครับ
สูตรนี้จะเป็นเค้กขนาด 3 ปอนด์ 1 ลูก หรือใช้พิมพ์เค้กกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 1/2 นิ้ว ถึง 9 นิ้ว ผมจะให้ไว้สองสูตรนะครับ ชอบแบบไหนก็ลองทำกันดูครับ มาดูสูตรแรกก่อนนะครับ 
 สปองค์เค้กสูตร 1 
    ไข่ ไก่ 280 กรัม ( ประมาณ 5 ฟองครับ ตอกไข่แล้วชั่งน้ำหนักนะครับไม่ใช่ชั่งทั้งเปลือก)    น้ำตาลทราย 180 กรัม    แป้งเค้ก ร่อนแล้ว 180กรัม   เนย สดละลาย 60 กรัม และกลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา ( หากต้องการเป็นสปองค์ช็อคโกแลต ให้ลดแป้งเค้ก 60 กรัมแล้วแทนที่ด้วยผงโกโก้ 60 กรัมนะครับ ร่อนรวมกันกับแป้งเค้กครับ )
สปองค์เค้กสูตรที่สอง สูตรนี้จะใช้ไข่ไก่มากกว่านะครับ
   ไข่ไก่ 5 ฟอง ไข่แดง 2 ฟอง น้ำตาลทราย 170 กรัม  แป้งเค้ก ร่อนแล้ว 130 กรัม        แป้งข้าวโพด 30 กรัม น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ นมสด 3 ช้อนโต๊ะ ( เช่นกันครับ ในสูตรนี้หากต้องการเปลี่ยนเป็นรสช็อคโกแลต ก้อให้ตัดแป้งข้าวโพดออก แล้วแทนที่ด้วยผงโกโก้ในปริมาณที่เท่ากันครับ )
   เริ่มต้นด้วยการเปิดเตาอบก่อนเลยครับ ตั้งอุณหภูมิที่  180 องศาเซลเซียส ควรจะเปิดเตาให้ร้อนก่อนนะครับ ไม่ใช่ตีเค้กเสร็จแล้วมารอเตาร้อน อย่างนั้นขนมยุบแน่นอนครับ เสร็จแล้วมาเตรียมพิมพ์เค้กกัน
ให้ทาไขมันเนย จะเป็นเนยขาวหรือเนยสดก็ได้ครับ ให้ทั่วพิมพ์ทั้งก้นพิมพ์และขอบข้าง จากนั้นให้ใช้แป้งลงไปกลอกทั่วพิมพ์ ให้แป้งเคลือบเกาะติดภายในพิมพ์จนหมดนะครับ ไม่งั้นอบเค้กมาสวยๆ มาตายตอนจบคือ เคาะเค้กไม่ออก หรือไม่ก็เคาะออกมาบางส่วน เสียดายแย่เลยครับ
นำไข่ไก่ลงไปตีพร้อมกับน้ำตาลทรายครับ ใช้หัวตีตะกร้อตีนะครับ เพื่อให้อากาศเข้าไปผสมกับไข่ไก่ ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 7-15 นาที แล้วแต่กำลังของเครื่องตีครับ แต่ถ้าใช้มือตีเหรอครับ? ก็แค่ 20 นาทีเท่านั้นเอง
บางท่านอาจจะไม่สะดวกที่ จะนั่งจับเวลา ก็อาศัยสังเกตเอาครับ เมื่อไข่ไก่ฟูเต็มที่แล้วจะมีลักษณะนี้ครับ ขั้นนี้เค้าเรียกว่า Ribbon Stage  ส่วนผสมจะมีลักษณะขาวข้นเป็นครีม
ดูให้ชัดๆอีกครับ ส่วนผสมจะเปลี่ยนจากสีไข่ไก่ไปเป็นสีขาวครีม มีลักษณะข้นจนสามารถลากเป็นเส้นได้ ตรงนี้สำคัญมากครับ เพราะถ้าตีไม่ถึงจุดนี้ โอกาสเค้กยุบมีสูงมาก แต่หากตีมากเกินไปก็มีโอกาสยุบได้เช่นกัน เปรียบเหมือนลูกโป่งที่อัดอากาศเข้าไปเต็มที่แล้ว ไข่ไก่ก็เช่นกันครับเมื่อมันขยายตัวมากจนอุ้มอากาศไม่ไหวแล้วฟองอากาศที่ เกิดขึ้นก็จะแตกตัวออกแล้ว ส่วนผสมจะแห้งเหมือนโฟมฉีดผม ไม่เก็บกักอากาศอีกต่อไปแล้วครับ
เมื่อได้ Ribbon Stage แล้วให้หยุดตีเลยนะครับ ให้ยกหัวตีตะกร้อออกแล้วใช้ไม้พายไม้หรือไม้พายพลาสติกในการตะล่อมแป้งลงไป
ขั้นตอนนี้ก็สำคัญครับ เทคนิคการตะล่อมแป้งหรือ ที่ภาษาเบเกอรี่เรียก Folding คือ ค่อยๆใส่แป้งเค้กลงไปทีละน้อย ใช้ไม้พายค่อยๆตักส่วนผสมไข่มากลบแป้ง แล้วค่อยวนไปรอบๆอ่างผสม โดยตะล่อมรอบๆแล้ว วนไปกลับไปตะล่อมตรงกลางอ่าง เพื่อให้แป้งเค้กแตกตัวออกผสมกับไข่ ตรงนี้ต้องทำอย่างเบามือครับแล้วต้องคอยสังเกตว่ายังมีเม็ดแป้งที่ยังไม่แตก ตัวผสมกับไข่หรือไม่ หากยังมีเหลืออยู่ต้องทำให้เม็ดแป้งนั้นแตกตัวออก
ในขั้นตอนตะล่อมแป้ง หากเรารู้สึกว่าส่วนผสมของเราค่อนข้างแห้งก็ค่อยๆหยอดเนยละลาย หรือ นมสดผสมกับน้ำมันลงไปผสมสลับกับแป้งได้ครับ แต่ พึงระวังอุณหภูมิของเนยละลายด้วยครับ ไม่ควรจะร้อนจัด เพราะจะทำให้อากาศที่อยู่ในไข่แตกตัวออกได้ เค้กยุบอีกครับ ( โห ระวังกันทุกขั้นตอนเลยนะ…)
เมื่อเราผสมเนยละลายหรือ นมสด+น้ำมันพืชลงไปแล้ว ต้องคนให้ดีๆนะครับ อย่าให้เนยหรือนมสดไปกองอยู่ก้นอ่างล่ะ นี่ก็เป็นเหตุให้ขนมเค้กเรากลายเป็นขนมเข่งได้เช่นกันครับ จากนั้นก็เทส่วนผสมเค้กลงในพิมพ์ นำเข้าอบทันทีเลยครับ จะตั้งทิ้งไว้นานไม่ได้ครับ ยุบอีกเหมือนกัน ใช้เวลาอบ 30 นาทีพอดีครับ ลองเช็คว่าเค้กสุกดีหรือไม่ โดยใช้ไม้จิ้มฟัน ( ยังไม่ใช้แคะฟันทีนะจ๊ะ) จิ้มตรงกลางเนื้อเค้ก หากมีเศษเค้กหรือคราบเค้กแฉะติดออกมา แสดงว่ายังไม่สุก หากจิ้มแล้วไม่มีเศษเค้กติดออกมา ก็แสดงว่าสุกแล้วครับ
ก่อนเคาะเค้กออกจากพิมพ์ให้ เราเขย่าพิมพ์เล็กน้อยนะครับ เพื่อให้แน่ใจว่าเค้กไม่ติดพิมพ์ คว่ำเค้กลงบนตะแกรงลวด พักให้เย็นก่อนนำไปใช้งานต่อไป ไม่ควรทิ้งเค้กให้เย็นในพิมพ์เป็นอันขาดครับ เพราะจะทำให้เค้กของท่าน หด หด หด จนเหลือนิดเดียวแถมยังกระด้างอีกต่างหากนะครับ
ก่อนจบบทเรียนทำเค้กบทนี้ แนะนำว่าใจเย็นๆนะครับ เพราะสปองค์เค้กจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรสำหรับมือใหม่ แต่หากได้ใช้เวลาฝึกฝนสม่ำเสมอก็จะทำได้ดี ทำเสียก็อย่าเพิ่งท้อ ถือเสียว่าซื้อประสบการณ์ แรกๆอาจจะได้ขนมเข่งแทนขนมเค้ก อิอิ ใครทำแล้วประสบปัญหาอย่างไรหลังไมค์มาถามได้นะครับ ยินดีให้คำแนะนำเสมอค่ะ
.ที่มา...http://icefogdota.wordpress.com/

วิธีทำเเพนเค้กสูตรบลูเเบรี่ซอส

ขั้นตอนการทำ๑.ผสมแป้งสาลี ผงฟู น้ำตาล เกลือ รวมกันในอ่างผสม


คนส่วนผสมแป้งให้เข้ากัน



๒.ใส่นม ไข่ไก่ น้ำมันลงในอ่างผสมแป้ง


๓.คนส่วนผสมให้เข้ากัน จะได้ส่วนผสมข้นๆ



๔.เปิดไฟในกระทะทอดแพนเค้กอุณหภูมิ ๓๕๐ องศาฟาเรนไฮต์
ใครไม่มีกระทะทอดแพนเค้ก ก็ใช้กระทะธรรมดาก็ได้ค่ะ
อาจใช้เวลาทอดนานหน่อย ถ้าเกรงว่าแพนเค้กจะเย็นก่อนเสิร์ฟ
ก็ให้เปิดเตาอบอุณหภูมิต่ำสุดไว้ แล้วเอาจานแพนเค้ก
ที่ทอดเสร็จแล้วใส่ไว้ในเตาอบที่อุ่นๆ แพนเค้กจะร้อนจนถึงเวลาเสิร์ฟค่ะ

ทาเนยลงบนกระทะเช็ดกระทะให้เกลี้ยงเลยค่ะ
เอาแค่มีมันฉาบติดกระทะบ้างเท่านั้น ถ้ามีคราบเนยมากเกินไป
ก้นแพนเค้กจะกระดำกระด่างไม่เป็นสีเหลืองสวยๆค่ะ



๕.ตักส่วนผสมแพนเค้กด้วยถ้วยตวงขนาด ๑/๔ ถ้วย
เทส่วนผสมแป้งลงในกระทะทอดแพนเค้ก กะระยะห่างให้พอดีไม่ติดกัน




พอหน้าแพนเค้กเป็นรูปตะปุ่มตะป่ำไปทั่วทั้งชิ้น ก็กลับทอดอีกด้านจนสุก



ดังรูปนี้ค่ะ



๖.ทอดไปจนแป้งหมด ได้ออกมาเป็นตั้งๆเลยค่ะ ทอดได้ทั้งหมดประมาณ ๑๗ ชิ้น
ใครจะทอดชิ้นขนาดไหนก็ตามใจนะคะ



เสิร์ฟแล้วค่ะ วันนี้ราดด้วยแบรี่ซอส
ใครจะทานกับไส้กรอก เบคอนก็อร่อยมากที่สุดเช่นกันค่ะ


ส่วนผสมในการทำเเพนเค้กสูตรบลูเเบรี่ซอส

แป้งสาลีเอนกประสงค์ ๒ ถ้วยตวง
ไข่ไก่ขนาดใหญ่ ๒ ฟอง
นม ๑ ๑/๒ ถ้วยตวง
น้ำมันคาโนล่าหรือน้ำมันพืช ๑/๔ ถ้วยตวง
ผงฟู ๑ ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ๑ ช้อนชา
น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ

ที่มา...http://pancake287.blogspot.com/
++ เค้กฝอยทอง ++ 



Photobucket

สวัสดีปีใหม่ เพื่อนๆทุกคนค่ะ

ปล. ครือว่าที่เขียนๆไว้ก่อนหน้านี้หายไปหมด โมโหมาค่ะ
แต่งกลอนปีใหม่ให้ ดันลืมไปหมดเลย 555+

เอาใหม่ก็ได้เน๊าะ

สวัสดีปีใหม่ พี่น้อง พ้องเพื่อน
ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่เข้ามา
สุขสันต์สำราญ เบิกบานใจกันถ้วนหน้า

มีความสุขกันเยอะๆนะค่ะ


Photobucket

ปีนี้ส่งท้ายกันด้วยขนมที่เป็นมงคลกันสักหน่อยนะค่ะ
เค้กฝอยทอง รวมเอาขนมที่มีความแตกต่างมาผสมกัน
เป็นการผสมผสานที่ลงตัวมากๆ



ชลเคยทำไว้แล้วครั้งหนึ่ง
คราวที่แล้วทำสูตรของแม่สลิ่ม
คราวนี้มาลองทำสูตรของ ครัวบ้านพิม

ชลชอบสูตรนี้ค่ะ เหมาะสำหรับคนทำไม่เก่งอย่างชล 55+



วอร์มเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส



มาเริ่มกันทีละอย่างนะค่ะ ทำกันทีละตอนดีกว่าเน๊าะง่ายดี



Photobucket

ฝอยทอง 250-300 กรัม
กรุลงไปในพิมพ์ ชลใช้พิมพ์สี่เหลี่ยม
เอาไปฝากพนักงานที่ร้านกัน


กรุฝอยทองลงไปในพิมพ์ให้เต็ม
เมื่อกรุเต็มแล้วก็หาแก้วก้นแบนมากดให้แน่น
ป้องกันส่วนผสมของเหลวไหลลงไปด้านล่าง




เมื่อเตรียมส่วนของฝอยทองเสร็จแล้ว เราก็มาเตรียมในส่วนของชีฟฟ่อนกันค่ะ



Photobucket

ส่วนผสม 1

แป้งเค้ก 120 กรัม
ผงฟู 1 1/4 ชช.
นมผง 1 1/4 ชช.
น้ำตาลทรายป่นละเอียด 80 กรัม
เกลือป่นธรรมดา 1/2 ชช.




Photobucket

ร่อนส่วนผสมทุกอย่างรวมกัน
ชลร่อน 3 รอบค่ะ เพราะว่าต้องใช้งานผู้ช่วยให้คุ้มสักกะหน่อย กริ กริ กริ

พักส่วนนี้ไว้ก่อนค่ะ







Photobucket

ส่วนผสม 2
น้ำมันพืช  60 กรัม
 ไข่แดง 4 ฟอง
นมสด 90 กรัม
กลิ่นวนิลา 1/2 ชช.






Photobucket

เทส่วนผสมทุกอย่างลงไปในอ่างผสมขนาดใหญ่
ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันด้วยตะกร้อมือ







Photobucket

เทส่วนผสมของแป้งลงไป

คนให้เข้ากันอย่างเร็วและอย่านาน
ถ้าคนนานส่วนผสมที่ได้จะเหนียวแน่น บึกบึนทันทีเลย
แสดงว่าเล่นกล้ามมาเยอะ 55+





Photobucket

ได้ส่วนผสมอย่างในภาพค่ะ
พักส่วนผสมไว้ก่อน




Photobucket

ส่วนผสม 3


ไข่ขาว 4 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ชช หรือน้ำมะนาว 1/2 ชช.
- น้ำตาลทรายป่นละเอียด 80 กรัม






Photobucket

ตีไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์ให้เป็นฟองหยาบ



จากนั้นทะยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป







Photobucket

ตีไข่ขาวให้ตั้งยอดอ่อนไปทางแข็ง
อย่าแข็งมากนะค่ะ เพราะเค้กที่ได้มาจะมีลักษณะเหมือนฟองน้ำ






Photobucket

นำส่วนผสมของไข่ขาว มาผสมกับส่วนของเปียก
คนให้เข้ากันอย่างเร็วเช่นเคยค่ะ





Photobucket

เทส่วนผสมของเค้กลงไปในพิมพ์ ที่เรากรุด้วยฝอยทองรอไว้แล้ว



นำเข้าเตาอบ และนำอบนาน 35 นาที หรือจนกว่าขนมจะสุก
เช็คด้วยการเอาไม้จิ้มฟัน จิ้มลงไปในเค้กแล้วไม่มีเศษของเปียกติดมา แสดงว่าใช้ได้แล้วละค่ะ







Photobucket

อบเสร็จแล้วค่ะ
 ยุบนิดหน่อยยยยยยยยยยยย แต่ถือว่ายังใช้ได้สำหรับชลอยู่ 55+

พักเค้กไว้สัก 10 นาที


Photobucket

จากนั้นก็กลับหน้าเค้กฝอยทอง

เห็นเศษของเค้กไหมค่ะ นั่นเป็นเพราะว่าชลไม่ได้กดฝอยทองให้แน่น
ทำให้ส่วนผสมของเค้กไหลลงไปด้านล่าง
คราวหน้าแก้ตัวใหม่ เพราะต้องแก้ตัวอยู่เรื่อยๆแน่นอนเลย อิอิอิ





Photobucket

ตัดแบ่งแล้วนะค่ะ





Photobucket

ที่มา...http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bearhunt&month=31-12-2012&group=20&gblog=9